วิธีป้องกันไม่ให้ไฟล์ขยะตกค้างหลังเล่นเน็ต

ทุกครั้งที่เข้าไปท่องอินเตอร์เน็ตจะพบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เน็ตมักจะชอบเก็บเอาไฟล์ขยะต่าง ๆ มาเก็บไว้ในเครื่องทำให้สิ้นเปลืองเนื้อที่ ฮาร์ดดิสก์ ซึ่งเราสามารถที่จะเข้าไปลบไฟล์ขยะเหล่านั้นทิ้งไปได้ดังนี้

1. เข้าไปโปรแกรม IE คลิกเมนู Tools เลือกคำสั่ง Internet Options

2. ที่หน้าต่าง Internet Options คลิกแท็บ Advanced เลื่อนเมาส์ มาที่ตำแหน่งไอคอน Security แล้วติ๊กถูกหน้าช่อง Empty Temporary Internet File foder when browser closed จากนั้นคลิกปุ่ม Apply แล้วคลิกปุ่ม OK

3. หลังจากนั้น เมื่อเราเข้าสู่โปรแกรม IE ไฟล์ขยะที่เครื่องแอบเก็บไว้ชั่วคราว จะถูกลบออกไป พร้อมกับคืนเนื้อที่ให้ ฮาร์ดดิสก์ ได้อีกด้วย

การเล่นเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนการฉายภาพยนตร์

สำหรับความเป็นมาถึงการเล่นเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนการจัดฉายภาพยนตร์ โดยหัวหน้างานอนุรักษ์ภาพยนตร์ หอภาพยนตร์แห่งชาติ โดม สุขวงศ์ ให้ข้อมูลซึ่งเรียบเรียงจากรายการจดหมายเหตุกรุงศรี ว่า ธรรมเนียมการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย น่าจะมีมาแต่ครั้งรัชกาลที่ 5 เมื่อเริ่มมีการตั้งโรงภาพยนตร์แล้ว โดยเฉพาะโรงหนังญี่ปุ่นหลวง ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ถาวรแห่งแรกในสยาม และเป็นโรงแรกที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประดับตราแผ่นดิน

ธรรมเนียมนี้อาจได้แบบอย่างมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมืองสิงคโปร์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในปกครองของอังกฤษ มีการฉายพระบรมรูปพระราชินีอังกฤษและบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีคือเพลง "God Save the Queen-ก็อด เซฟ เดอะ ควีน" เมื่อจบรายการฉายภาพยนตร์ ให้ผู้ชมยืนถวายความเคารพ

ที่มาของ "เย็นตาโฟ"

เย็นตาโฟไม่ใช่ภาษาไทยแน่นอน ยิ่งเป็นชื่อเรียกก๋วยเตี๋ยวชนิดหนึ่งด้วยแล้ว
ชื่อนี้ต้องมาจากภาษาจีนแน่ ๆ แต่ถ้าไปถามคนจีนในประเทศจีนว่า
เคยกินเย็นตาโฟไหม เขาคงงง!
เพราะ "เย็นตาโฟ" เป็นภาษาจีนที่เรียกอย่างสะดวกปากคนไทย

อาจารย์นพพร สุวรรณพานิช ผู้จัดทำพจนานุกรมหัวป่าก์และปลายจวัก กล่าวถึงอาหารชนิดนี้ว่า
"เย็นตาโฟ" ที่เราชอบกินกันนั้น ภาษาจีนแต้จิ๋ว เรียกว่า "ยี่อ่องเต่า ฝู่"

เป็นอาหารคาวใส่ผักบุ้ง เต้าหู้ เลือดหมู ภาษาอังกฤษพูดว่า brewed bean curd

ชื่อ "ยี่อ่องเต่าฝู่" คนไทยเรียกกันไปเรียกกันมา ก็กลายเป็น "เย็นตาโฟ"
เรื่องภาษาเพี้ยนนี่ เป็นเรื่องถนัดของคนไทย ภาษาต่างชาติที่ออกเสียงยาก
คนไทยจะดัดแปลงให้เข้ากับลิ้นตัวเอง...สบายไป

แบบทดสอบความรัก

ลองตอบคำถามเหล่านี้ แต่ห้ามแอบดูเฉลยก่อนนะ

1. คุณมาที่ทะเลและกำลังนอนอยู่ใต้ร่มกันแดด นอกเหนือจากร่มกันแดดของคุณแล้ว คุณคิดว่าร่มกันแดดกางอยู่กี่คันที่ชายหาด

2. นอนอยู่สักครู่หนึ่ง ก็มีปูไต่ขึ้นมาคุณ คิดว่ามีปูอยู่กี่ตัว

3. ตอนนี้คุณกำลังหลับตาอยู่ที่ห้องมืด เมื่อคุณลืมตาขึ้น คุณจะมองเห็นเทียนกี่เล่ม

4. คุณลองทำหน้าขณะที่คุณกำลังกินบ๊วยเค็มดูนะ

5. ลองเทียบผู้ชายที่อยู่ใกล้ตัวคุณกับฤดูกาลนะ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว

ไอศครีมบอกนิสัย

มาทายนิสัยจากไอศครีมที่คุณชอบกัน

รสช็อกโกแลตชิป
ถ้าชอบไอศครีมรสนี้ แสดงว่าเป็นคุณเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นสูง สนใจในสิ่งที่ท้าทาย และยังมีเสน่ห์ล้นเหลือเลยล่ะ แต่ก็มีข้อเสียอยู่ที่การเป็นคนที่ชอบเอาชนะมากเกินไปหน่อย ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรือจะเรียกว่า แพ้ไม่เป็น ก็ว่าได้

รสสตรอเบอร์รี่
คุณก็เหมือนไอศครีมสตรอเบอร์รี่นั่นแหละ หวานแหวว ขี้อาย เก็บความรู้สึกเก่ง และชอบเก็บตัว ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ แต่จะว่าไปก็เป็นคนระวังตัวดีล่ะ

รสวานิลลา
คุณเป็นคนสนุกสนาน ชอบการสังสรรค์ เข้าสังคม เฮฮากับเพื่อนฝูง พอใจ และยินดีในสิ่งที่มีและเป็นอยู่ แต่ด้วยความที่เป็นคนหัวอ่อน ก็เลยถูกชักจูงไปได้ง่าย

มาดูแลเล็บด้วยบัฟเฟอร์กันเถอะ

เล็บ ถือเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่คุณผู้หญิงควรใส่ใจดูแล สมัยนี้คุณผู้หญิงจำนวนมากหันมาไว้เล็บ ทำเล็บ ทาสีและเพ้นท์ตามแฟชั่นกันมากมาย ดังนั้นนอกจากจะรู้จักใช้เล็บเป็นองค์ประกอบในการเพิ่มสีสันการแต่งตัวให้ดูดีแล้ว เมื่อถึงเวลาดูแลก็ควรดูแลเอาใจใส่คุณผู้หญิงก็ควรดูแลรักษาอย่างดีด้วยนะครับ ในวันว่างๆ ที่ไม่ได้เข้าร้านทำเล็บลองหัดมาปรนนิบัติดูแลเล็บของคุณเองดูบ้าง ซึ่งอุปกรณ์ชัดเล็บที่คุณผู้หญิงที่รักเล็บทั้งหลายควรมีติดไว้นั่นก็คือ บัฟเฟอร์ หรือ (Nail Buffer) นั่นเอง

ทายนิสัยจากผลไม้

รู้กันหรือไม่ ผลไม้แต่ละชนิดสามารถบอกลักษณะนิสัยของคนที่ชอบกินผลไม้ชนิดนั้นได้
อย่าง แอปเปิ้ล คนที่ชอบกินจะค่อนข้างขี้เหงา อยู่คนเดียวไม่ได้ ไม่แคร์เรื่องรัก รักง่าย หน่ายเร็ว แต่เรื่องงานล่ะถือเป็นคนหนึ่งที่อึดจนต้องยกนิ้วให้

ส่วนคนที่ชอบ สัปปะรด นั้น มีนิสัยแคร์คนอื่นมากเกินไป แถมยังชอบเอาใจคนอื่นมากเสียด้วย ซึ่งเป็นผลเสีย เพราะคนรอบข้างจะเบื่อหน่ายและรำคาญคุณ

วิธีรักษาผิวไหม้จากการเที่ยวทะเล

ใครที่ชอบไปเที่ยวทะเล พอกลับมาก็เจอกับปัญหาผิวไหม้เกรียมและแถมยังมีอาการปวดแสบปวดร้อนอีก วันนี้มีวิธีรักษาผิวไหม้เกรียมมาฝากกัน

วิธีแรก คือ ใช้ถุงน้ำชาที่ชงดื่มแล้ว นำถุงชานั้นไปแช่ในน้ำเย็นแล้วนำมาวางแปะตามบริเวณที่มีรอยไหม้แดด สามารถใช้ได้กับบริเวณใบหน้า เช่นแก้มและจมูกด้วย

วิธีที่สอง คือ ใช้น้ำแข็งห่อในผ้าเช็ดหน้าแล้ววางบนรอยแสบไหม้นานสัก 10 นาที ทำให้ได้ทุก 2-3 ชั่วโมง

วิธีที่สาม คือ เปิดน้ำในอ่างน้ำ ผสมข้าวโอ๊ดลงไปนอนแช่สัก 10 นาที ทำซ้ำเช่นนี้อีกทุก ๆ 3 ชั่วโมง

วิธีสุดท้าย คือ ผสมน้ำแข็งก้อนลงในนมพร่องไขมันชามใหญ่ใช้ผ้าขนหนูเล็กๆ จุ่มน้ำนมมาประคบตามผิวที่ไหม้แดดและแสบร้อน ทำต่อเนื่องนาน 2 นาที และทำซ้ำเช่นนี้อีกทุกๆ 2 ชั่วโมง

รู้อย่างนี้แล้ว ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้ครับ