การบริจาคโลหิตจัดเป็นการให้ทานอย่างหนึ่ง จัดอยู่ในข้อแรกของบุญกิริยาวัตถุ ๓ คือ บุญสำเร็จได้ด้วยการบริจาคทาน จัดเป็นทานอุปบารมี ทานระดับกลาง ในการบำเพ็ญทานบารมีแบ่งเป็น ๓ ระดับ ระดับสามัญ จัดเป็นทานบารมี ระดับรองหรือจวนจะสูงจัดเป็นทานอุปบารมี และระดับสูงจัดเป็นทานปรมัตถบารมีในการบริจาคโลหิตถือว่าได้เสียสละสิ่งที่มีค่าที่สุดในร่างกาย ในชีวิตของคนเรานอกจากจะทำให้เกิดความภาคภูมิใจที่ได้เสียสละโลหิตในร่างกายของตัวเอง ช่วยต่ออายุให้ผู้เจ็บป่วย การบริจาคนี้ก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลแก่ผู้อื่น ผู้ให้ย่อมเกิดความปิติความสุขทางใจ ดังที่ว่า “ผู้ให้ชีวิตย่อมได้ชีวิต”
หากจะกล่าวถึงบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนา นั่นคือ การให้ทานด้วยการบริจาคโลหิต เพราะการบริจาคนั้นนอกจากจะส่งผลดีต่อผู้ให้อย่างมาก และยังส่งผลดีต่อผู้รับอีกด้วย เพราะนอกจากจะทำบุญด้วยการบริจาคทรัพย์ สิ่งของ แล้ว ยังทำบุญได้ด้วยการบริจาคโลหิต ซึ่งเป็นบุญที่อุทิศกันได้ง่าย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะการบริจาคนั้นเป็นเจตนาที่เป็นบุญกุศลจริง ๆ แม้จะเป็นการเสียสละ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเมตตา กรุณา และที่สำคัญ หากตั้งใจที่จะสร้างบุญโดยการเสียสละ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์ สิ่งของ เลือด เนื้อ อวัยวะ ควรรีบทำขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ จะทำให้ได้บุญมาก ในทางพระพุทธศาสนาถือว่า ทานเป็นบันไดขั้นต้นของการทำบุญและเป็นจุดเริ่มต้นที่พุทธศาสนิกชนทุกคนจะได้พัฒนาจิตใจให้สูงขึ้นการบริจาคโลหิตนอกจากจะมีผลดีต่อสังคมและร่างกายแล้ว ยังมีคุณประโยชน์ทางธรรมอีกด้วย ดังนี้
๑.เกิดมาชาติหนึ่งภพใด จะเป็นผู้มีร่างกายแข็งแรง สมส่วน
๒.จะไม่เกิดในชนชั้นต่ำ ไม่เกิดในบ้านป่าเมืองเถื่อน
๓.เข้ากับเพื่อนมนุษย์ได้ง่าย
๔.ประกอบอาชีพใด ๆ ก็จะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
๕.จิตใจเป็นสัมมาทิฐิ เรียนรู้ธรรมะเข้าใจได้ง่าย
๖.ทำให้มีจิตใจเมตตา ไม่โหดร้าย
๗.เป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาชีวิตที่ดี
๘.จะได้บุตรธิดาที่ดีมาสืบสกุล
No comments:
Post a Comment