กาแฟเย็น ชาเย็น ภัยเงียบคร่าชีวิต

ไลฟ์สไตล์หรือรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนเมือง ที่ยึดคติ "สุขนิยม" หาความรื่นรมย์ตามร้านกาแฟ มือกดสมาร์ทโฟนเข้าสังคมก้มหน้าท่องโลกโซเชียล มีให้เห็นกันทั่วไป ทำให้ร้านชา-กาแฟ ผุดเต็มเมือง ไล่ตั้งแต่ตามปั้มน้ำมันที่ให้ลูกค้าจอดรถแวะพักผ่อนนั่งชิลๆ ในห้างสรรพสินค้าบริการ ทั้งปลั๊กไฟ-ไวไฟฟรีให้ท่องเน็ต ร้านข้างทางติดแอร์เย็นฉ่ำให้หลบร้อน ดีกว่านั่งผึ่งพัดลมเปลืองแอร์บ้าน บางร้านพื้นที่น้อยไม่ติดแอร์ เป็นแผงขายกาแฟถุงยักษ์ ฝีมือชงสุดยอดความอร่อย รสชาติเข้มข้น หอมกรุ่นชากาแฟ หวานมัน ดับกระหาย เย็นชื่นใจ แถมทีเด็ดถุงกระดาษเก็บความเย็นได้ 3 ชม. ละลายช้า ยิ่งเพิ่มความฮิตให้กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานแวะเวียนไปอุดหนุนทุกวัน

จากการสุ่มสำรวจ สารพัดปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจร้านกาแฟยังเฟื่องฟู แต่หลายคนอาจจะทราบแต่เผลอลืม หรืออาจไม่ทราบว่าเครื่องดื่มประเภทนี้เป็น "หวานซ่อนพิษ" มีอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง จน "นักวิชาการ" ต้องออกมาเตือนภัยอย่างต่อเนื่อง เพราะผลวิจัยระบุว่า วัยรุ่นดื่มกาแฟหรือชาเย็นมากขึ้น บางคนดื่มถึงวันละ 3 แก้ว อันตรายทั้งจากสีของชาเย็น ชาเขียว ที่เข้มจัด บางรายใส่สีสังเคราะห์ผสมอาหาร การบริโภคน้ำตาลมากเกินควร ที่เปลี่ยนเป็นพลังงานกลายเป็นไขมันสะสมตามร่างกาย ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่ม เกิดโรคอ้วน ที่สำคัญยังเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น แบรนด์ดังระดับโลกแก้วนึงร้อยสองร้อยบาท แบรนด์ดังของไทยก็เฉียดร้อย แบรนด์ทั่วๆไป เฉลี่ย 40-60 บาท แม้แต่กาแฟถุงยักษ์ที่กำลังฮิตก็ปาเข้าไป 25 บาทแล้ว 

จากข้อมูลของสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่ตรวจสอบปริมาณน้ำตาลในกาแฟเย็น โดยเก็บตัวอย่างจากร้านกาแฟ 3 ประเภท คือ ร้านต่างชาติ ร้านของไทย และร้านเล็กๆทั่วไป 3 สูตร คือ มอคค่า ลาเต้ และ คาปูชิโน รวมทั้งสูตรเฉพาะของแต่ละร้าน รวม 43 ตัวอย่างพบว่า กาแฟเย็น 1 แก้ว ขนาดบรรจุ 13-20 ออนซ์ หรือ 400-600 มิลลิลิตร มีพลังงาน 97-400 กิโลแคลอรี, ไขมัน 0.4-22.1 กรัม, โปรตีน 0.6-10.9 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 19.4-49.4 กรัม และน้ำตาล 11-38 กรัม 

พลังงานที่ร่างกายได้รับจากการดื่มกาแฟเย็น ส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลจากนมข้น ครีมเทียมหรือไซรัปแต่งรสชาติ ปริมาณมากถึง 38 กรัม หรือประมาณ 10 ช้อนชา 

เมื่อเปรียบเทียบปริมาณน้ำตาลในกาแฟแต่ละสูตรพบว่า “ลาเต้เย็น” ให้พลังงาน 288 แคลอรี มีน้ำตาล 3-9 ช้อนชา “คาปูชิโนเย็น” ให้พลังงาน 303 แคลอรี มีน้ำตาล 6-9 ช้อนชา ขณะที่ “มอคค่าเย็น” ให้พลังงานสูงถึง 400 แคลอรี มีน้ำตาล 5-9 ช้อนชา 

นอกจากนี้ “ครีมเทียม” ยังมีส่วนประกอบหลักเป็นไขมัน โปรตีน และน้ำตาล มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงร้อยละ 20-50 เป็นไขมันทรานส์ที่ทำให้คอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ในเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้ระบบการทำงานของตับผิดปกติ 

ขณะที่ข้อมูลโภชนาการแนะนำปริมาณน้ำตาลที่ควรบริโภคไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัมต่อวัน ส่วนพลังงานโดยเฉลี่ย 2,000 แคลอรีสำหรับผู้หญิง และ 2,500 แคลอรีสำหรับผู้ชายในแต่ละวัน 

การดื่มกาแฟเย็นเพียงแก้วเดียวทำให้ร่างกายได้รับแคลอรีสูงกว่า 1 ใน 4 ของแคลอรีในอาหารรวม 3 มื้อ สรุปว่าการดื่มกาแฟเย็นเกิน 1 แก้วต่อวัน ร่างกายเสี่ยงเกิดโรคทั้งโรคอ้วน มะเร็งลำไส้ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคตับ และความดันโลหิตสูง 

ดังนั้นอย่าชะล่าใจ ควรหันมาดื่มน้ำสะอาดแทน เพื่อสุขภาพที่ดี หรือหากเลิกไม่ได้ ควรตระหนักถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้น เร่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มชากาแฟเย็น หันมาดื่มชากาแฟร้อนเพื่อลดจำนวนน้ำตาล หรือลดความถี่ลงจากดื่มวันละหลายแก้วเหลือแก้วเดียว จากทุกวันมาดื่มวันเว้นวัน และหลายวันดื่มที ต้องเตือนตัวเองว่า “เครื่องดื่มหวานอร่อย เย็น ชื่นใจ” คือภัยเงียบที่กำลังคร่าชีวิตเราอยู่

No comments:

Post a Comment