ยังนอนไ่ม่หลับอยู่หรือเปล่า?

จากการสำรวจขององค์กรเพื่อการนอนหลับในสหรัฐอเมริกา พบว่า 74% ของชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่กำลังประสบกับปัญหาการนอน 39% ใช้เวลาในการนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงในแต่ละคืนและ 37% รู้สึกง่วงนอนในช่วงกลางวัน ซึ่งส่งผลเสียต่อการงานหรือการทำกิจกรรมอื่นๆ แล้วคุณล่ะ กำลังประสบกับปัญหาการนอนไม่หลับอยู่หรือเปล่า?

ก่อนอื่น ลองตอบคำถามเหล่านี้ว่าจริงหรือไม่
1. 5 ชั่งโมงคือเวลาที่พอเหมาะพอดีของการนอนในช่วงเวลากลางคืน
2. นอนให้น้อยลงในช่วงที่มีงานเร่งด่วน และค่อยนอนชดเชยในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์
3. ผลจากการอดนอนเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ขอบตาดำคล้ำ เหนื่อยง่าย หรือมีจุดด่างดำขึ้นตามผิวหนัง ซึ่งไม่มีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
4. การดื่มกาแฟในช่วงเย็นไม่มีผลกระทบต่อการนอนในช่วงเวลากลางคืน
5. เปิดโทรทัศน์หรือคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ในห้องนอน ไม่มีผลต่อการนอนหลับ
6. ระยะเวลาในการนอนไม่มีผลต่อน้ำหนักตัวแม้แต่น้อย

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตอบคำถามเหล่านี้ว่า “ใช่” 2 ข้อขึ้นไป คุณอาจจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้นในแต่ละคืน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาพของตัวคุณเอง

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าโดยปกติทั่วไปควรใช้เวลาในการนอนหลับแต่ละคืนอยู่ที่ 7-9 ชั่วโมง แต่ในบางคนอาจต้องการเวลาในการนอนหลับเพียง 6 ชั่วโมง ในขณะผู้ที่กำลังป่วยอาจจะต้องการเวลาในการนอนหลับมากกว่าคนปกติ ดังนั้นคุณจะทราบได้อย่างไรว่าตัวคุณเองมีเวลาในการนอนหลับอย่างเพียงพอ สำหรับผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอเป็นระยะเวลาติดต่อกันอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่พวกเขาจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความง่วงนอนได้ในช่วงกลางวันอย่างไม่รู้ตัว พวกเขามักจะขาดสมาธิในการทำงาน มีภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ ทำให้ป่วยได้ง่ายกว่าคนที่นอนหลับอย่างเพียงพอ

ลองมาดูวิธีที่จะทำให้คุณนอนหลับในช่วงเวลากลางคืนได้เพียงพอเพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง

1. หลีกเลี่ยงการดูโทรทัศน์ก่อนนอน โดยเฉพาะการนอนดูบนเตียงนอน งานวิจัยพบว่าผู้ที่นอนไม่หลับในช่วงเวลากลางคืนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีโทรทัศน์ไว้ในห้องนอนและใช้โทรทัศน์เป็นตัวช่วยกล่อมให้นอนหลับ

2. เปลี่ยนหมอนหรือเบาะที่นอน หมอนหรือเบาะที่นอนที่ใช้ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปีอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่นทำให้ปวดหลัง ควรเลือกเบาะที่นอนให้มีขนาดเหมาะสมกับจำนวนคน และหมั่นทำความสะอาดที่นอนอยู่เสมอๆ

3. หลีกเลี่ยงคาเฟอีนในช่วงเย็น คุณทราบหรือไม่ว่าการได้รับปริมาณคาเฟอีนก่อนนอน 10-12 ชั่วโมงอาจเป็นสาเหตุให้คุณนอนไม่หลับในช่วงเวลากลางคืน จึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มจำพวก ชา กาแฟ หรือช็อกโกแลต เป็นต้น

4. ฟังเพลงก่อนนอน นับเป็นกิจกรรมเพื่อความผ่อนคลายก่อนนอน ทำให้คุณหลับได้สบายขึ้น เสียงเพลงจะช่วยให้จิตใจสงบลงได้มากขึ้น

5. จัดเวลาเพื่อการนอน สมองและร่างกายของคุณควรจะได้รับการผ่อนคลายและจำกัดความเครียดก่อนที่จะเข้านอน การจัดการกิจกรรมก่อนเข้านอนจึงเป็นสิ่งสำคัญเช่น การออกกำลังกาย การอาบน้ำ ซึ่งควรจะปฏิบัติในช่วงเวลาเดียวกันในแต่ละวัน จะทำให้จิตใจและร่างกายปรับตัวเพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้น

6. นอนหลับด้วยธรรมชาติ สำหรับผู้ที่มีปัญหาการนอนหลับรุนแรง และหากวิธีที่กล่าวมาข้างต้นยังไม่ได้ผล ลองใช้ธรรมชาติเข้าช่วย อาจทำให้คุณหายจากอาการนอนไม่หลับได้

หลายคนอาจแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการรับประทานยานอนหลับ แต่นั่นไม่สามารถแก้ปัญหาให้คุณในระยะยาวได้ และยังส่งผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย

No comments:

Post a Comment