ฮอตดอก แปลตามตัวว่า "หมาร้อน"
แต่ไส้กรอกประกบด้วยขนมปังที่เรียกว่าฮอตดอก นั้น
ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับหมา
และไม่ได้เป็นอาหารที่คน อเมริกันคิดค้นขึ้นมาอย่างที่เรามักจะเข้าใจ
ประวัติของฮอตดอก เริ่มตั้งแต่สมัยบาบิโลเนียเมื่อ ๓,๕๐๐ ปีที่แล้ว
มีลักษณะเป็นเนื้อหมัก เครื่องเทศ ยัดไว้ในไส้สัตว์
ชาวโรมันเรียกอาหารประเภทนี้ว่า Salsus
ซึ่ง เป็นต้นกำเนิดของคำว่า Sausage หรือไส้กรอกในภาษาอังกฤษนั่นเอง
ในสมัยยุคกลาง เมืองต่าง ๆ ในยุโรปได้พัฒนาสูตร รสชาติ
และรูปร่างของไส้กรอกของตนเอง
และ ตั้งชื่อไส้กรอกตามชื่อเมืองที่เป็นถิ่นกำเนิด เช่น ไส้กรอกเวียนนา เป็นต้น
ไส้กรอกของประเทศแถบ เมดิเตอเรเนียนจะมีลักษณะแข็งและแห้ง
เพื่อไม่ให้ไส้กรอกบูดเสียได้ง่าย ในอากาศร้อนแถบนั้น
ส่วนไส้กรอกของสก็อตแลนด์นิยมยัดไส้ด้วยข้าวโอ๊ต มากกว่าจะใช้เนื้อหมูหรือเนื้อวัว
ไส้กรอกที่ เป็นที่นิยมกันมากที่สุดประเภทหนึ่งในเยอรมนี
คิดค้นขึ้นโดยชาวเมืองแฟรงเฟิร์ต จึงมีชื่อเรียกว่าแฟรงเฟอเตอร์
หรือเรียกสั้น ๆ ว่า แฟรงค์ มีขนาดหนา นุ่ม ใส่เครื่องเทศและรมควันอย่างดีมีรูปร่างโค้งเล็กน้อย คล้ายรูปร่างของสุนัขดัชชุนด์ จนบางคนเรียกไส้กรอกประเภทนี้ว่า ไส้กรอกดัชชุนด์
เล่ากันว่าผู้คิดไส้กรอกประเภทนี้เลี้ยงสุนัขดัชชุนด์ไว้หนึ่งตัว จึงเกิดความคิดว่า ไส้กรอกที่มีรูปร่างเหมือนสุนัขตัวโปรด นี้จะเป็นที่นิยมของตลาดด้วย
ชาวยุโรปที่อพยพไปสหรัฐอเมริกา ได้นำไส้กรอกแฟรงเฟอเตอร์ไปด้วย
ไส้กรอกที่ประกบด้วยขนมปังเป็นที่นิยมอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นอาหารว่างยอดนิยมระหว่างดูกีฬา
ในปี 1906 นักวาดการ์ตูนชื่อ โทมัส ดอร์แกน
ได้แรงบันดาลใจจากรูปร่างที่โค้งงอ คล้ายสุนัขดัชชุนค์ของไส้กรอก
และจากเสียงพ่อค้า"เห่า" ตะโกนเรียกคนซื้อ
จึงได้วาดรูปสุนัขดัชชุนด์ราดด้วยมัสตาร์ดประกบด้วย ขนมปัง
และเขียนบรรยายใต้รูปว่า “ซื้อหมาร้อน ๆ จ้า" (“Get your hot dogs! )
เล่ากันว่าดอร์แกนไม่สามารถสะกดคำว่า ดัชชุนด์ได้ถูกต้อง จึงใช้คำว่าหมา (dog) แทน
ปรากฏว่าคำว่าฮอตดอกกลายเป็นคำที่ติดปากคนอเมริกันทั่วไป
จนเลิกเรียกไส้กรอกด้วยคำอื่นๆ และยังทำให้ชาวโลกคิดว่า
ฮอตดอกเป็นอาหารที่คนอเมริกันคิดขึ้นมาอีกด้วย
No comments:
Post a Comment